#เที่ยวน่านแบบลึกซึ้ง

Asia

24 ธ.ค. 2017

#เที่ยวน่านแบบลึกซึ้ง

เวลาไปเที่ยวอยากมีโมเมนท์สัมผัสวิถีชีวิตคนท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด ได้พบปะ พูดคุย สนทนาแบบลึกซึ้ง แบบยิ่งเที่ยวยิ่งเข้าใจและได้ประสบการณ์ใหม่ไหมคะ

หม่ามี้ตาและป่ะป๊าเป็นคนชอบการพูดคุยกับชาวบ้านเพื่อสร้างมิตรภาพใหม่ ได้ลองชิมอาหารแปลกๆ ได้เป็นพยานรู้เห็นการใช้วิถีชีวิตแบบดั้งเดิม ได้ลองทำอะไรที่เราไม่เคยทำ…โอ๊ย สิ่งต่างๆ เหล่านี้มันช่วยให้เราเกิดมุมมองใหม่ๆ เข้าใจผู้อื่นมากขึ้น เห็นคุณค่าของผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่เกิดจากการสร้างสรรค์และทุ่มเทแรงกายแรงใจของผู้ผลิต ที่สำคัญ….มันช่วยสร้างให้เกิดคำว่า “เพื่อน” ที่มีค่ามากกว่าคำว่า “นักท่องเที่ยว” หลายเท่านัก เมื่อเราสองคนมีลูก เราก็พยายามจะให้เด็กๆ ได้สัมผัสประสบการณ์ในลักษณะเดียวกันนี้บ้าง จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ แบบเข้าสวนเก็บส้มโอ พายเรือ เที่ยวไร่ ฯลฯ เมื่อช่วงปิดเทอมที่ผ่านมาได้ฤกษ์งามยามดี เลยถือโอกาสพาซีเรียและเซเล่มาอัพสกิลการใช้ชีวิตกับพี่ๆ ผู้น่ารัก ผู้สอนให้เราเรียนรู้ในเรื่องราวหลากหลายที่เราไม่เคยรู้มาก่อนที่จังหวัด “น่าน” กันค่ะ


จังหวัดน่านอาจจะฟังแล้วไม่ได้หวือหวาน่าสนใจเหมือนเชียงใหม่ เชียงราย แต่รู้ไหมว่าน่านนั้นมีธรรมชาติ วัฒนธรรมและเรื่องราวดีๆ ซ่อนตัวรอให้เราไปค้นพบอยู่มากมาย ทริปที่ผ่านมาบ้านเราได้ฝ่าฝันหนทางอันเป็นหลุมเป็นบ่อ เป็นโคลนแสนลื่นเพื่อขึ้นไปตามหาสุดยอดกาแฟดีของไทยที่หมู่บ้านมณีพฤกษ์ ที่นอกจากเราจะได้ชิมสุดยอดกาแฟแล้ว ที่พักของเรายังมีวิวทะเลหมอกให้ชม 360 องศาแบบไม่ต้องเบียดเสียดแย่งกับ สายหมอกไหลเอื่อยตั้งแต่เช้ามืดจนถึงช่วงสาย แถมราคาที่พักก็ประหยัดไม่แพง เราได้มีโอกาสได้รู้จัก “รองกล้วย” หรือคุณวิชัย กำเนิดพลอย รองนายกเทศมนตรีตำบลงอบ ประธานกลุ่มท่องเที่ยวชุมชนมณีพฤกษ์และผู้ก่อตั้งแบรนด์คอฟฟี่เดอม้งและเจ้าของไร่กาแฟเกอิชา ที่เป็นผู้ช่วยเปิดโลกทัศน์หลากหลายเรื่องไม่จำกัดเฉพาะเรื่องกาแฟ แต่ยังเป็นไกด์พาเราไปทำความรู้จักกับประเพณี วัฒนธรรม และอาชีพต่างๆ ของคนในหมู่บ้าน ทั้งการปักผ้าแบบม้ง การปลูกกะหล่ำ การตีมีดจากแหนบรถยนต์ (ซึ่งอันนี้ดีงามน่าใช้สุดๆ ในราคาที่ท่านๆ จะตกใจในความคุ้มค่า) แถมที่พิเศษสุดๆ คือซีเรียกับเซเล่ได้เรียนเล่น “พิ” เครื่องดนตรีชาวลั๊วที่ทำมาจากระบอกไม้ไผ่ที่มีเสียงใสก้องกังวาลกับพี่ศรี เจ้าหน้าที่ดูแลโครงการเพื่อพัฒนาความมั่นคงพื้นที่ลุ่มน้ำน่านอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เด็กๆ สนุกสนานกับพิมากๆ จนอยากจะขออาศรีเอากลับบ้านมาด้วยเลยทีเดียว

หนึ่งวันหนึ่งคืนที่มณีพฤกษ์สนุกมากๆ ได้ดื่มกาแฟชั้นยอดบนดอยสูง ได้ฟังถึงที่มาที่ไปในการมาทำไร่กาแฟเกอิชาที่ก่อนจะมาทำไร่กาแฟสายพันธุ์ดีแบบนี้ที่บ้านของรองกล้วยก็ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และกะหล่ำเช่นชาวบ้านทั่วๆ ไปและก็ปล่อยให้พื้นที่รกเรื้อ รองกล้วยเห็นว่าน่าจะพัฒนาพื้นที่ให้มีประโยชน์ให้มากกว่าที่เป็นอยู่และสร้างรายได้และสามารถอนุรักษ์ป่าไปด้วยได้ในคราวเดียวกันเลยคิดถึงการปลูกกาแฟ เพราะกาแฟเป็นพืชที่ต้องอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ ไร่กาแฟเกอิชาแห่งนี้นี้จึงเต็มไปด้วยพืชไม้ยืนต้นและล้มลุกนานาพันธุ์ ทั้ง มะแขว่น พญาเสือโคร่ง อะโวคาโด กล้วยป่า แมกคาเดเมีย พลับ และอื่นๆ อีกมากมายด้วยการปลูกแบบเกษตรอินทรีย์


กาแฟสายพันธุ์ที่ปลูกก็ไม่ธรรมดาเพราะคือพันธ์เกอิชา (Geisha) สายพันธุ์กาแฟที่เมื่ออยู่ในถ้วยสามารถมอบรสชาติยอดเยี่ยม หอมกรุ่น และสดชื่นเต็มเปี่ยมไปด้วยรสผลไม้ที่กินวงกว้างมากทั้งเบอร์รี่ มะม่วง สัปปะรด มะละกอ ส้ม แบบมากันทั้งไร่ทั้งสวนเลยทีเดียว จากการมีโปรไฟล์ของรสชาติอันล้ำลึกก็ทำให้เม็ดกาแฟพันธุ์นี้ครองแชมป์มาหลายเวทีแบบนับไม่ถ้วน แถมท้ายด้วยการดูวิธีการคั่วกาแฟแบบต่างๆ ที่แค่ได้กลิ่นก็หอมชื่นใจมากๆแล้ว

เรื่องอาหารการกินก็เด็ด….บ้านเราได้ฝากท้องฝากฝากชีวิตไว้กับบ้านของรองกล้วยหลายมื้อ…มื้อเย็นนี่มีเมนูขิงผัดหมูจานเด็ด เซเล่กินข้าวไปจานครึ่ง แถมพูดทุกสองนาทีว่าขิงผัดหมูมันอร่อยมากๆๆๆๆ เซเล่กินข้าวไปสามจานชนะเลิศทุกคนในบ้านไปเลย และก็เป็นครั้งแรกที่ซีเรียและเซเล่ได้มานอนบนดอยพร้อมอาบน้ำเย็นเจี๊ยบแบบไม่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกใดๆ พอป๊าตักน้ำราดตัวให้เท่านั้นแหละ เซเล่กับซีเรียร้องโอดโอยว่า “จูฟรีส จูฟรีส” 555 (เออ คิดอวัยวะ “จู” ตามกันเองนะว่าคืออะไร  ) อีแม่นี่ขำหนักมากๆ ว่าทำไมมันมาเย็นจูจู๋ที่เดียวว้า ตอนแรกก่อนไปก็แอบหวั่นใจเหมือนกันว่าลูกเราจะไหวไหมเน้อ จะสู้ไหมน่ะ อาหารแบบโฮมสเตย์ เดินย่ำโคลนไปที่พัก อาบน้ำเย็น ฯลฯ พอเอาเข้าจริงก็สู้ขาดใจกลายเป็นทริปที่สนุกสนานไม่มีบ่นเลยสักคำแถมติดใจอยากจะมาเที่ยวแบบนี้อีกบ่อยๆ อีกด้วย…ป๊ากับหม่ามี้นี่ปลื้มจริงอะไรจริงเลยอ่ะ

 

 


ลงจากหมู่บ้านมณีพฤกษ์มาหม่ามี้ก็ยังจัดกิจกรรมให้เด็กๆ ทำอย่างต่อเนื่อง ด้วยการพาไปโรงงานดอยซิลเว่อร์ ร้านขายเครื่องเงินรายใหญ่ซึ่งตั้งอยู่อำเภอปัว อ๊ะ อ๊ะ ไม่ใช่คุณแม่จะมาช็อปปิ้งเครื่องเงินของคุณแม่แต่ฝ่ายเดียว เพราะที่นี่มีกิจกรรมที่เด็กๆ มานั่งทำระหว่างรอช็อปปิ้งได้หลายอย่างทั้งแต่งชุดชาวเขาเผ่าเย้า กิจกรรมตอกเครื่องเงินเป็นลายของตนเองโดยมีช่างผู้เชี่ยวชาญคอยสอน ซีเรียและเซเล่ได้ทดลองทำเครื่องเงินแบบจริงจัง ได้เข้าใจ และเรียนรู้ว่ากว่าที่โลหะเงินจะกลายมาเป็นเครื่องประดับนี่มันต้องผ่านหลายขั้นตอน ต้องใช้ความตั้งใจ สมาธิ และความปราณีตอย่างมากมายเลยทีเดียว

วันรุ่งขึ้นหม่ามี้กับป๊าได้พาเด็กๆ ไปเยี่ยมชมตึกรังสีเกษม ตึกเก่าของโรงเรียนน่านคริสเตียนศึกษา ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองน่านที่ตอนนี้จัดเป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อเรียนรู้ประวัติศาสตร์ชุมชนของเมืองน่าน บ้านเราโชคดีมากๆ ที่ท่านอาจารย์ต้น อาจารย์ผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์เป็นไกด์นำทัวร์และเล่าเรื่องราวที่น่านสนใจในแง่มุมต่างๆ ทั้งเรื่องการก่อสร้างตึก สถาปัตยกรรม การอนุรักษ์ ชุมชน ชาวบ้าน สังคม วัฒนธรรม การเข้ามาของมิชชั่นนารีจากอเมริกา สงคราม การเก็บรักษาของ และอื่นๆ อีกมากมายให้ฟังอย่างละเอียด ใครมาเมืองน่านแล้วอยากฟังเรื่องราวชาวน่านแบบลึกซึ้งขอแนะนำสถานที่แห่งนี้เลยค่ะ ทั้งได้ความรู้และยังได้ชมตึกสวยๆ ที่มีอายุมากกว่าร้อยปีด้วยน้า

 


ตกบ่ายหลังจากเติมพลังให้ท้องอิ่ม เราก็พากันไปตะลุยต่อที่บ้านบ่อสวก ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองเลย หม่ามี้ตาได้นัดแนะกับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ่อสวกซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นกลุ่มที่มีประสิทธิภาพ แข็งแกร่ง และมีกิจกรรมหลากหลายให้เลือกทำ ก่อนไปซีเรีย เซเล่โหวตเป็นเสียงเดียวกันว่าอยากจับปูนา หม่ามี้และป๊าจึงปรึกษากับพี่อุ้มผู้เป็นนักสื่อความหมายของบ่อสวกที่อยู่ดูแลเราตลอดทุกกิจกรรมว่าของจับปูนาแบบเน้นๆ ให้เด็กๆ หน่อย พี่อุ้มก็น่ารักมากๆ รีบติดต่อประสานงานให้ผู้น้อยจับปูในนาโดยพลัน ผู้น้อยทั้งสองเลยได้มีโอกาสถอดรองเท้าลุยโคลนในนาเป้นครั้งแรกในชีวิตตอนแดดเปรี้ยงตรงหัว ตอนแรกก็กล้าๆ กลัวๆ แต่หลังจากได้โค้ชอุ้มสอนวิธีการจับปูแบบใกล้ชิด ไม่นานซีเรียเซเล่ก็จับปูดำได้คนละหลายตัว สนุกเค้าเลยล่ะ แทบจะไม่ไปยอมทำกิจกรรมอื่นเลยทีเดียว
แต่ก่อนจะป่วยเป็นหวัดแดดกันซะก่อน พี่อุ้มก็พาเราทั้งหมดไปเยี่ยมชมการทอผ้า ให้เด็กๆ ได้มีโอกาสปั่นด้าย ดูการย้อมผ้า ดูป้าผู้ใจดีใช้กี่ทอผ้ากันอย่างตื่นตาตื่นใจ หลังจากนั้นเราก็ไปดูเครื่องหีบน้ำอ้อยแบบโบราณพร้อมดื่มน้ำอ้อยจากถ้วยไม้ไผ่และกินเมี่ยงน้ำอ้อยสุดอร่อยแบบเต็มที่ แถมท้ายด้วยการพาซีเรียกับเซเล่ไปเรียนรู้การปั้นเครื่องปั้นดินเผา ที่สองพี่น้องสนุกและตั้งใจปั้นกันแบบไม่มีเหนื่อยไม่มีถอย เรียนรู้หัดทำจนเสื้อผ้าเลอะดินเหนียวไปทั้งตัว…ยิ่งเลอะยิ่งมากประสบการณ์แบบโฆษณาเลยทีเดียว

นี่เล่ากิจกรรมที่บ้านเราไปทำในช่วงเวลาสี่วันแบบข้ามๆ นะคะ ยังมีอีกหลากหลายช็อตประทับใจทั้งเรื่องเซเล่ซีเรียไถลคลุกโคลนแต่ไม่มีท้อ ไม่มีหวั่น โดนปูหนีบตอนจับปูหลายหนก็ไม่ร้อง เด็กๆ ได้รู้จักเพื่อนใหม่ที่มาปั้นดินเผาด้วยกัน หรือกระทั่งพี่อุ้มผู้ดูแลเราอย่างดีที่เห็นเสื้อผ้าเด็กๆ เปรอะเปื้นก็เอาไปซักให้ พาไปล้างตัวอย่างกับเป็นญาติสนิท คือประทับใจจริงๆ ค่ะ มันมากกว่าการไปเที่ยว มันคือการได้มิตรภาพที่ผูกใจเราไว้ได้จริงๆ ^^

มีเวลาพาครอบครัวไปเที่ยวกันนะคะ ได้อะไรมากกว่าที่คิดเยอะค่ะ
กดติดตามกันไว้นะคะ มีเรื่องสนุกๆ จะเล่าให้ฟังอีกมากมายเลย ^^
#Nan
#Creativetourism
#Travelwithkids

แบ่งปันความสุข